- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Sunday, 18 September 2016 13:23
- Hits: 3890
สมคิด` ยันศก.ไทยพ้นจุดต่ำสุด เร่งระดมสมองช่วยเหลือเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย เร่งทำคลอดทุกโครงการให้จบในปีนี้
สมคิด' ยัน ศก.ไทยพ้นจุดต่ำสุด ชี้เดินมาถูกทางเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เร่งระดมสมองออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร- ผู้มีรายได้น้อย ยันเดินหน้านโยบาย'ไทยแลนด์ คอนเน็ค' ย้ำปีหน้ารัฐบาลจะเข้าสู่ปีแห่งการขับเคลื่อนโครงการใหญ่ เร่งทำคลอดทุกโครงการให้จบในปีนี้ การันตีรถไฟฟ้า-รถไฟความเร็วสูง- พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เข้าครม. ให้ทันปีนี้ แย้มญี่ปุ่นสนใจร่วมลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นภาคใต้ของไทย ส่วนใน 5 ปีนี้จะเดินหน้าลงทุน อีสเทิร์น อีโคโนมิกคอริดอร์ คาดเงินสะพัด 5 แสนล้านบาท พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ดัน ศก.โตมากกว่า 3%
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 2 ปีที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ประเทศไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว เห็นได้จากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 3.5% และเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 2.8% อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่เต็มที่ เนื่องจากการส่งออกยังไม่ขยายตัว จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ส่งผลให้เอกชนยังไม่กล้าลงทุน
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า หลายฝ่ายยังมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี และรัฐบาลหลงทางเพราะยังไม่เห็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบอย่างคล่องตัว โดยส่วนตัวเห็นว่า สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะการเติบโตยังไม่ได้ลงไปสู่ระดับรากหญ้า หรือเกษตรกร เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ส่งผลให้เกษตรกรมีเงินไม่เพียงพอในการใช้จ่าย ซึ่งล่าสุดตนได้หารือกับนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เพื่อหามาตรการในการช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในกลุ่มดังกล่าว เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบให้คล่องตัวมากขึ้น รวมถึงหาแนวทางในการลดรายจ่าย สร้างรายได้ เพราะปัจจุบันพบว่า เกษตรกรมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงต้องเร่งเดินหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้
“ผมอยากย้ำว่า เราพ้นจากจุดต่ำสุดแล้ว และเราไม่ได้หลงทาง เรามาถูกทาง และถ้าไม่เดินทางเส้นนี้ต่อไป ที่เรามองว่าจะโตได้ 3.5% นั้นเราโตได้แต่ไม่ยั่งยืน เราต้องดีขึ้นตามลำดับ ที่เรารู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะมันยังไม่แผ่อานิสงส์ไปยังรากหญ้า โดยเฉพาะเกษตรกร เราต้องเร่งทำ หาแนวทางในการช่วยเหลือซึ่งเร็วๆนี้จะมีมาตรการออกมา เราจะคิดอย่างละเอียดและออกสิ่งเหล่านี้มาช่วยพี่น้องเกษตรกร เชื่อว่า หากทำแล้ว เงินในระบบเพียงพอ และเงินลงระบบ ทุกอย่างจะเป็นจริง อยากให้ท่านรู้ว่า สิ่งที่ผมและคณะทำงานจะทำคือ จะทำลายสถิติที่ท่านตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจไว้ จะทำลาย แม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญ คือ การปฏิรูปเศรษฐกิจ”นายสมคิด กล่าว
สำหรับ สาเหตุที่ประเทศไทยจะต้องเร่งการปฏิรูป คือ ที่ผ่านมาการศึกษาไทยพัฒนาช้า เกิดการเหลื่อมล้ำ ความสามารถในการแข่งขันลดน้อยลง เพราะไม่มีนวัตกรรม ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานขาดการพัฒนาเป็นเวลานาน ดังนั้นหลังจากนี้ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน เพราะการที่จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นมันไม่ง่าย ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำ คือ การสร้างใหม่ทางเศรษฐกิจไทย
ในส่วนของสิ่งที่รัฐบาลจะสร้างใหม่ คือ การสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็น เพราะหากเศรษฐกิจข้างบนขยับ แต่ในส่วนของข้างล่างยังมีปัญหา สิ่งที่จะตามมา คือ ปัญหาทางสังคม เกิดการปลุกปั่น ขณะเดียวกัน สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือ การเติบโตจากการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งปัจจุบันไทยมีรายได้จากการส่งออกสูงถึง 70% ทำให้ไม่เกิดความสมดุลของการเติบโต
“เราไม่ควรภูมิใจกับการเติบโตจากการส่งออก เพราะมันไม่เกิดความบาลานซ์ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสร้าง อัดเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพราะเราเห็นว่าหากข้างล่างมาขยับการเติบโตจะไม่ยั่งยืน 2 ปีที่ผ่านมาเรามีโครงการลงสู่ระบบจำนวนมาก สิ่งที่เอาพยายามทำ คือ การสร้างความเข้มแข็ง เราพึ่งพาการส่งออกตลอเวลาไม่ได้ ดังนั้นเราต้องทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ของเราสูงขึ้น มีการบูรณาการหลายกระทาวง เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การสร้างตลาดใหม่ เดินหน้าให้เข้มแข็งมีท่องเที่ยวชุมชน ดึงทุกอย่างสู่ท้องถิ่น เพื่อเกิดการหมุนเวียน มีรายได้เพิ่มขึ้น รู้จักการพัฒนาและบริหารกันเอง นี่คือ สิ่งที่รัฐบาลพยายามเดินหน้ามาโดยตลอด โดยยอมรับว่า ที่ผ่านมารัฐบาลหมดงประมาณไปสูงมาก และไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่เข้าไปช่วยเหลือรากหญ้าได้มากเท่านี้มาก่อน”นายสมคิด กล่าว
สำหรับ อีกกลุ่มที่จะสร้าง คือ กลุ่มไทยแลนด์คอนเน็กซ์ หรือ การเชื่อมโยงประเทศไทย ทั้งการสร้างถนนสายใหม่ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการสร้างเมืองใหม่ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค รวมทั้งการเชื่อมไปยังประเทศอื่นด้วย เพื่อให้ไทยได้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคตามเป้าหมาย
“สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำ คือ การเชื่อมโยงทั้งระบบ ทั้งการคมนาคมครบวงจร โดยอานิสงส์จะลงทุกภาคส่วนไม่เฉพาะคนรวย แต่ยังมีคนจน เกษตร โครงการต่างๆที่เราพยายามพลัดกัน เราเรียกหน้าที่ของรัฐบาล คือ ทำคลอด ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่า คลอดค่อนข้างอยาก เพราะที่ผ่านมาการเมืองบิดเบี้ยว ข้าราชการเกรงกลัว กลัวว่าจะทำแล้วพลาด จึงมากล้า แต่ที่ผ่านมา เราเดินหน้าทั้งรถไฟทางคู่ จิระ ขอนแก่น มีรถไฟฟ้าที่ออกมาจำนวนมาก สนามบิน และการขยายไปยังมอเตอร์เวย์ต่างๆ และช่วงที่เหลือจะมีรถไฟฟ้าอีกหลายสายที่จะเข้าครม. โดยหวังว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการทำคลอด และเมื่อเราคลอดบ่อยเราจะคลอดง่ายขึ้น”นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือนี้ ยังมีโครงการที่รัฐบาลยังจะต้องเร่งขับเคลื่อนอีกหลายโครงการ ทั้งรถไฟฟ้า โครงการทรัพยากรน้ำ ที่จะเร่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในส่วนของรถไฟไทยจีน จากกรุงเทพฯ-หนองคายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งทุกอย่างอยู่ระหว่างดำเนินการไม่อยากให้ทุกคนใจร้อน ขณะที่รถไฟความเร็วสูงเส้นภาคใต้ ยืนยันว่า จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะลงทุน และมีการวางแผนไว้แล้ว ซึ่งหากตกลงกันได้ อาจเห็นการก่อสร้างได้ในปีหน้าทันที
สิ่งที่สาม ที่เราจะเร่งดำเนินการ คือ ไทยแลนด์ 4.0 คือการเร่งเพิ่มและพัฒนาในส่วนของอุตสาหกรรมที่ล้าหลัง ที่ผ่านมารัฐบาลเร่งสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เกิดการรวมและสร้างคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดการรวมกลุ่มทำงานทั้งผู้ประกอบการ โรงงาน มหาวิทยาลัย การสร้างงานวิจัย โดยขณะนี้เราแบ่งอุตสาหกรรมเป็น 5 กลุ่ม คือ ในส่วนของกลุ่มอาหารการเกษตร กลุ่มที่ 2 คือ สปา กลุ่มที่ 3 คือ พวกอิเล็กทรอนิกส์ การบินต่างๆ กลุ่มที่ 4 คือ ดิจิทัล กลุ่มที่ 5 คือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะรวมกันทั้งภาคเอกชนหลายๆหน่วยงานด้วยกัน เพื่อร่วมกันสร้างงานวิจัย ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการต่างๆ จะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ เกิดนักรบเศรษฐกิจใหม่ และเป็นอนาคตของประเทศ
“ผมยืนยันว่า เราเป็นเกตเวย์ที่แท้จริงของกลุ่ม CLMV เราพยายามเดินหน้าลงทุน อีสเทร์น อีโคโนมิก คอริดอร์(ECC) โดยวางแผนการลงทุนใน 5 ปี และจะมีเงินสะพัดอย่างน้อย 500,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่กรุงเทพ แหลมฉบัง มาบตาพุด ระยอง ท่าเรือ และพัฒนาชายฝั่งไปจนถึงท่าเรือใหม่ที่อู่ตะเภา การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงเทพฯ ระยอง เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้าน”นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่รัฐบาลทำนั้น ไม่สามารถเดินหน้าได้ด้วยคนเดียว จะต้องเกิดการร่วมมือกัน ทั้งเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน อยากให้ทุกคนมองว่า คือ อนาคตของชาติ และยืนยันว่า เส้นทางของรัฐบาลนั้น มีเส้นทางให้เดินแบบง่าย แต่ไม่เลือกที่จะเดิน เพราะหากจะเลือกทางง่ายคือการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อให้เศรษฐกิจโตทำง่าย แต่ถือเป็นการผลาญเงินของลูกหลายเอามาใช้ ซึ่งจะไม่ช่วยอะไร ดังนั้นเราจึงทำแค่การประคองเศรษฐกิจ และวางรากฐานไปอนาคต
ในขณะที่ผ่านมาเอกชนบอกว่า ต้องการให้ค่าเงินบาทอ่อน เพราะค่าเงินบาทแข็งทำให้ส่งออกไม่ดี จึงอยากให้นึกถึงอดีตที่ผ่านมา ที่ใช้เงินเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อน ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และส่งผลให้ประเทศประสบปัญหา ต้องย้อนถามว่ามีใครจะเอาอีกไหม เส้นทางไม่ง่าย เราพยายามอดทนเดินเส้นทางที่ลำบากเพื่อทุกคน เรารู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง และสิ่งเหล่านี้ ทำคนเดียวไม่ได้ ประชาชนต้องเข้าใจ ทุกคนต้องอดทนร่วมกัน เชื่อใจกัน สิ่งที่เราขาดคือ ความเชื่อระหว่างกัน ดังนั้น ตนจึงขอแค่ปีเดียว ขอให้เชื่อในรัฐบาล และยืนยันว่า เราจะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
สมคิด เผยหารือนายกฯ เตรียมออกมาตรการช่วยลดภาระ-เพิ่มรายได้เกษตรกร-เร่งขับเคลื่อนทุกโครงการในปีหน้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการแถลงผลงานรัฐบาลครบ 2 ปีว่า เมื่อวานนี้ได้เข้าไปหารือกับนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมออกมาตรการช่วยลดภาระหนี้สินของเกษตรกร และหาทางเพิ่มรายได้ เนื่องจากขณะนี้แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีคนที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะผลดีดังกล่าวยังไม่ได้ลงไปสู่คนระดับล่าง โดยเฉพาะเกษตรกร
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เกิดความยั่งยืน แม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก เนื่องจากภาวะการส่งออกชะลอตัว และเอกชนมีความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 3.5% นั้นถือเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการแม้ตัวเลขจะสูง
"ภาวะเศรษฐกิจขณะที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 0.8% ภายในเวลา 2 ปี สามารถขยายตัวได้ที่ 3.5% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกฝ่าย"
นายสมคิด กล่าวต่อว่า รัฐบาลพยายามสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา 4 แนวทาง คือ 1.การสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อ ซึ่งตลอดสองปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีโครงการให้ความช่วยเหลือไปแล้วกว่า 15 โครงการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าความช่วยเหลือในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา
2.การสร้างไทยแลนด์คอนเน็ค เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและเอเซีย โดยมีมูลค่าการลงทุนเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการมอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง ตลอดจนการลงทุน Eastern Economic Corridor (EEC) เข้าที่ประชุม ครม.ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี่รัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงลงสู่ภาคใต้ ซึ่งทางญี่ปุ่นแสดงความสนใจและเตรียมเสนอโครงการมาให้รัฐบาลพิจารณา
3.โครงการไทยแลนด์ 4.0 เน้นการสร้างคลัสเตอร์ ซึ่งบีโอไอเตรียมเดินสายไปโรดโชว์ยังต่างประเทศ การสร้างสตาร์ทอัพรายใหม่ โดยมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุน ตลอดจนการช่วยเหลือ SMEs
4.การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางกลุ่ม CLMVT โดยพยายามออกแบบเส้นทางคมนาคมให้เป็นเกตเวย์ของภูมิภาคนี้
"รัฐบาลสามารถอัดฉีดเม็ดเงิน 2 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นจีดีพี แต่ไม่เลือกใช้แนวทางนี้ เพราะถือว่าเป็นการเอาเงินของลูกหลานมาผลาญ แต่ให้ความสำคัญในการวางรากฐาน เราอดทนเดินบนเส้นทางที่ลำบากเพื่ออนาคต เรามีเวลาอีก 1 ปี จะพยายามปักหลักฐานและเดินบนเส้นทางนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน" นายสมคิด กล่าว
อินโฟเควสท์